หากคุณกำลังเดินเล่น'และกำลังสำรวจตลาดหลากสีสันอันน่าทึ่งของโมร็อกโกหรืออาบแดดที่โกลด์โคสต์ของออสเตรเลีย'คงไม่มีอะไรจะดีไปกว่า'การได้แชทวิดีโอแบบเรียลไทม์เพื่อแบ่งปันประสบการณ์ของคุณกับเพื่อนและครอบครัวที่บ้านอีกแล้ว ต้องขอบคุณ FaceTime ที่ทำให้พวกเราทุกคนสามารถเชื่อมต่อกันได้ เสมือนเพียงแค่เปิดหน้าต่างหากัน ได้จากทั่วโลกเพียงแค่แตะครั้งเดียว
แต่ FaceTime ใช้ข้อมูลจริง ๆ เท่าไรกันล่ะ? หากคุณเคยถามคำถามตัวเอง' เกี่ยวกับคำถามเหล่านี้และกังวลเรื่องการใช้ข้อมูลมากเกินจำเป็นโดยที่คุณไม่รู้ในขณะที่คุณเดินทาง'คุณมาถูกที่แล้ว ในบทความนี้'เราจะแนะนำคุณว่า FaceTime ใช้ข้อมูลเท่าไร และคุณจะประหยัดการใช้ข้อมูลของคุณขณะเดินทางได้อย่างไร
FaceTime ใช้ข้อมูลมากแค่ไหน?
การทำความเข้าใจว่า FaceTime ใช้ข้อมูลเท่าไหร่จะช่วยให้คุณวางแผนการโทรระหว่างเดินทางได้ดีขึ้น การสนทนาเสียง FaceTime หนึ่งชั่วโมงจะใช้ข้อมูลประมาณ 30MB ฟังดูสมเหตุสมผล? อย่างไรก็ตาม หากคุณใช้วิดีโอคอลของ FaceTime ข้อมูลการใช้งานอาจเปลี่ยนไปอย่างชัดเจน การสนทนาทางวิดีโอ FaceTime หนึ่งชั่วโมงอาจใช้ข้อมูลตั้งแต่ 120MB ถึง 380MB ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับคุณภาพและความเร็วการเชื่อมต่อของคุณ
These figures may sound intimidating, especially if you're trying to stay within a strict data budget while traveling. But with a little planning (and Airalo's eSIM by your side), they're totally manageable.
วิธีตรวจสอบการใช้งานข้อมูล FaceTime บน iPhone ของคุณ
หากต้องการตรวจสอบปริมาณข้อมูล FaceTime ที่ถูกใช้บน iPhone ของคุณ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
- Go to การตั้งค่า (Settings) > เซลลูลาร์ (Cellular)
- เลื่อนลงไปด้านล่างจะเจอ FaceTime
- คุณจะเห็น'การใช้ข้อมูลในช่วงปัจจุบันของคุณ"ใต้คำว่า "FaceTime"
ระยะเวลาปัจจุบันที่แสดงจำนวนข้อมูลการใช้งานคือนับตั้งแต่ช่วงเวลาครั้งสุดท้ายที่คุณรีเซ็ตสถิติการใช้งานข้อมูลของคุณจนถึงปัจจุบัน You can find the current period by scrolling all the way to the bottom of the Cellular page.
คุณจะควบคุมการใช้ข้อมูล FaceTime ได้อย่างไร?
มีสองวิธีในการช่วยให้คุณใช้ข้อมูลน้อยลงสำหรับ FaceTime: อย่างแรกคือการใช้ Wi-Fi เพื่อโทรออกหรืออย่างที่สองคือปิดวิดีโอระหว่างการ FaceTime และโทรด้วยเสียงแทน Here's how to configure your iPhone for each one.
ใช้ Wi-Fi ในการโทร FaceTime
วิธีที่ง่ายที่สุดที่จะช่วยให้คุณใช้ข้อมูลน้อยลงเมื่อคุณใช้ FaceTime คือการตรวจสอบให้แน่ใจว่าคุณได้เชื่อมต่อกับ Wi-Fi' ตอนคุณใช้ FaceTime FaceTime will automatically default to using your Wi-Fi connection; however, if your Wi-Fi becomes unstable, it will automatically switch to your cellular data.
To make sure FaceTime doesn't eat into your data, you can set it to only work via Wi-Fi. Here's how:
- ไปที่ การตั้งค่า (Settings) > เซลลูลาร์ (Cellular)
- เลื่อนลงไปด้านล่างจะเจอ FaceTime
- กดปิดการใช้งาน
โปรดทราบว่าหากคุณปิดการใช้ข้อมูลสำหรับ FaceTime' คุณจะไม่สามารถโทรออกหรือรับสาย FaceTime ได้' เว้นแต่ว่าคุณจะเชื่อมต่อกับ Wi-Fi
ปิดการคอลแบบวิดีโอสำหรับการโทร FaceTime
You can also make an audio-only FaceTime call to cut down on your data usage. A FaceTime audio call works just like a regular telephone call — you'll be able to hear the person on the other line but won't see them on video.
หากคุณต้องการ' โทรผ่าน FaceTime แบบใช้เสียงอย่างเดียว คุณสามารถทำตามขั้นตอนได้ดังนี้:
- เปิดแอป FaceTime
- แตะไปที่เมนู "New FaceTime"
- In the "To" field, enter the name of the contact you're trying to call
- Tap the phone icon to place an audio call
And here's how to switch to audio when you're in an active video call:
- แตะหน้าจอเพื่อเปิดเมนู FaceTime
- ปัดหน้าจอขึ้นเพื่อดูตัวเลือกเพิ่มเติม
- Select "Camera Off" to turn off your camera
หลีกเลี่ยงค่าบริการโรมมิ่งด้วย eSIM
It's easy to rack up roaming fees abroad, especially if you're FaceTiming with your favorite people while you're away. Luckily, an eSIM can give you access to affordable data without the hassle of unexpected roaming charges, so you don't break the bank with every video call!
With an eSIM from Airalo, you pay for the data you need upfront. There are no hidden fees or unexpected charges. And if you run low on data, you don't need to say goodbye to FaceTime — simply top up your data in the Airalo app.
Sounds good, right? Find an eSIM for your next adventure on the Airalo website or app (App Store | Google Play Store).
